Pages

27 ธ.ค. 2554

ย้อนอดีตดูภาพโฆษณาของ Apple II

หลังจากได้อ่านหนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ถึงตอนที่ Regis McKenna มาทำโฆษณาให้ Apple แล้ว  ผมก็เกิดความอยากเห็นว่าหน้าตาของโบรชัวร์กับหน้าโฆษณาของ Apple ในยุคนั้นเป็นอย่างไร และหลังจากได้ Regis McKenna มาช่วยแล้ว มันออกมาเป็นแบบไหน แต่เนื่องจากในหนังสือมันไม่มีภาพให้ดู เลยต้องมาเสิร์ซเอาน่ะครับ

Steve Jobs กับ Regis McKenna

ก่อนอื่นขอท้าวความกันสักหน่อยว่า ในช่วงที่ Steve Jobs กำลังเริ่มล้มลุกคลุกคลานก่อร่างสร้างบริษัท Apple อยู่นั้น ในขณะนั้นนาย Regis McKenna เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณาใหญ่โตแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Regis McKenna, Inc. อยู่ในซิลิกอนวัลเลย์  ซึ่งก็มีผลงานโดนๆ อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็มีหน้าโฆษณาที่ทำให้กับ Intel ที่ลงในหนังสือนิตยสารต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าโฆษณาที่เต็มไปด้วยสีสัน มีการใช้ภาพรถแข่งและชิปโป๊กเกอร์ แทนที่การใช้ตารางโชว์ประสิทธิภาพน่าเบื่อๆ ในแบบเดิมๆ


 งานชิ้นนี้เตะตา Jobs เป็นอย่างมาก เขาโทรไปบริษัท Intel เพื่อถามว่างานโฆษณาชิ้นนี้เนี่ยใครเป็นคนทำ เมื่อได้ทราบคำตอบ Jobs ก็พยายามติดต่อ Regis McKenna โดยพลัน แต่เนื่องจากตอนนั้น Jobs ยังเป็นเพียงเจ้าของบริษัทต๊อกต๋อยคนหนึ่งเท่านั้น จึงถูกปฏิเสธหลายครั้งโดยคุณ Frank Burge ที่ดำรงตำแหน่ง account executive

แน่นอนว่า Jobs ไม่ละความพยายาม โทรไปตื๊อแทบจะทุกวัน จนคุณ Burge เนี่ยทนไม่ไหวยอมออกไปพบกับ Steve Jobs ซึ่งตอนนั้น Frank Burge เค้าคิดในใจว่า "โอ้วบร๊ะเจ้า ไอ้หมอนี่มันเป็นอะไรมากปะเนี่ย"  "ก็ได้ฟระ ! ตรูจะรีบจัดการให้มันจบๆ ไปซะที"

แต่ถึงแม้จะเป็นการไปพบเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ทว่าสุดท้าย Jobs และ McKenna ก็ได้ตกลงร่วมงานกัน

โลโก้เดิมของ Apple
McKenna ได้จัดทีมขึ้นมาเพื่อทำโบรชัวร์ให้ Apple II สิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือ ออกแบบโลโก้ใหม่แทนที่โลโก้หรูหราสไตล์วิคตอเรียนของ Ron Wayne เนื่องจากมันไม่ค่อยจะเข้ากับรูปแบบโฆษณาของ McKenna ที่เน้นสีสันและความสนุกสนานซักเท่าไรนัก หน้าที่นี้จึงถูกมอบหมายให้ art director ที่ชื่อ Rob Janoff

Rob Janoff ในปี 1977
ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ Rob Janoff จาก creativebits.org  มีตอนหนึ่งผู้สัมภาษณ์ถาม Janoff ว่า คุณได้รับ brief อะไรบ้างสำหรับงานออกแบบโลโก้ชิ้นนี้

Janoff ตอบว่า "จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้มี brief อะไรหรอกนะ แต่ว่ามีเรื่องตลกอยู่อย่างหนึ่งคือ Steve Jobs บอกผมแค่ว่า "don't make it cute" มันเป็นแนวทางเพียงอันเดียวเท่านั้นจาก Jobs ในการทำโลโก้อันใหม่นี้"

Rob Janoff ทำโลโก้ใหม่ออกมาสองเวอร์ชั่น อันแรกมีรอยกัด ส่วนอีกอันไม่มีรอยกัด โดย Janoff บอกว่าเผื่อในกรณีที่ Jobs อาจจะคิดว่ารอยกัดมันจะดูน่ารักเกินไป  เขาได้พรีเซนต์ทั้งสองเวอร์ชั่นในรูปแบบที่แตกต่างกันไป อาทิ แบบสีทึบหรือ solid color, แบบมีลายแถบสี และแบบเมทัลลิก

Steve Jobs เลือกแบบที่มีรอยกัด เพราะเขาคิดว่าแบบไม่มีรอยกัดมันดูคล้ายเชอรี่เกินไป และนอกจากนี้ Jobs ยังเลือกอันที่เป็นแถบสีอีกด้วย มันเป็นลายแถบ 6 แถบที่ไล่สีจากสีเขียวถึงสีฟ้า ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ค่าพิมพ์แพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นต้องการจะสื่อว่า Apple II นั้นมีความสามารถในการแสดงผลสีด้วยนั่นเอง
โลโก้ที่ออกแบบโดน Rob Janoff


 งานโฆษณาสมัย Apple I
โฆษณา apple I
ใบปลิว apple I


ผลงานโฆษณา Apple II โดย Regis McKenna

1977, Apple II, Introduction
1977, A is for Apple #1
1977, A is for Apple #2















1977, Apple II Brochure
 ในโบรชัวร์ของ Apple II อันนี้ McKenna ได้ใส่คติพจน์ของ Leonardo da Vinci ที่ต่อมาได้เป็นปรัชญาอีกข้อหนึ่งในการดีไซน์ของ Jobs ด้วยว่า "Simplicity is the ultimate sophistication." หรือ ความเรียบง่ายคือที่สุดของความซับซ้อน


เอาล่ะครับ สำหรับภาพข้างบนนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะครับสำหรับโฆษณาของ Apple ใครที่ยังไม่จุใจอยากดูมากกว่านี้ก็ไปดูกันได้ที่นี่เลยครับ http://www.macmothership.com/gallery/gallery1.html เขารวบรวมไว้เยอะเลยทีเดียว


แหล่งข้อมูล

ศิลปะจากรูบิค

ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่เคยบ้าเล่นรูบิคอยู่พักนึง หลังจากที่เล่นเป็นแล้วไม่ต้องดูสูตรแล้ว ก็เริ่มเบื่อเลยลองพลิกแพลงบ้างจากที่ทำเป็นหน้าเรียบๆ ธรรมดา ก็พยายามบิดให้เป็นรูปต่างๆ บ้าง ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เป็นงานธรรมดาๆ ที่ใช้รูบิคแค่อันเดียวครับ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมได้ดูรายการคุยอย่างเฮีย ช่องสาระแนชาแนล ว่ามีคนนำเอารูบิคมาเรียงต่อกันเป็นภาพโมเสกใหญ่โตอลังการเลยทีเดียว ผมเห็นแล้วชอบเลยครับ เจ๋งมาก ก็เลยเสิร์ชหาข้อมูลดูและเอามาแชร์กัน

เจ้าของงานนี้ชื่อ Pete Fecteau เป็นดีไซเนอร์ เขาทำงานนี้ขึ้นมาเพื่อประกวดในงาน ArtPrize 2010 ใช้ชื่อโครงการว่า Dream Big โดยปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมาจากความฝันครับ แนวมากๆ คือตอนแรกนาย Pete Fecteau คนนี้เขาอยากเข้าร่วมประกวดงานนี้ แต่ก็คิดคอนเซ็ปต์งานที่จะใช้ประกวดไม่ออกซักที อยู่มาวันหนึ่งระหว่างนอนอยู่ที่บ้าน เขาก็ฝันครับว่าเขาได้ใช้รูบิคทำอะไรบางอย่างขึ้นมา เท่านั้นแหละ พอตื่นขึ้นมา เขาก็ลงมือจัดการร่างโครงการ ระดมสมอง จนออกมาเป็นงานนี้

อันนี้เป็นภาพร่างในคอมพิวเตอร์ เป็นภาพของ Martin Luther King Jr.

นาย Pete กำลังขะมักเขม้นบิดรูบิคให้เป็นรูปที่ต้องการ


ใกล้จะถึงวันแข่ง

ภาพสำเร็จ จัดแสดงในงาน ArtPrize ที่ Grand Rapids, Michigan USA

วีดีโอตอนติดตั้งที่งานครับ

ข้อมูลทางเทคนิค
ผลงานภาพโมเสคนี้สร้างมาจาก official licensed รูบิค 4,242 อัน มีขนาด 5.8m x 2.6m x 5.7cm หนักประมาณ 454kg รูบิคแต่ละอันถูกบิดเป็นรูปที่ต้องการเพื่อแสดงผลภาพ 9 จุด (พิกเซล) จากทั้งหมด 38,178 จุด ขั้นตอนการสร้างใช้เวลาเกิน 40 ชั่วโมงเล็กน้อย การติดตั้งขั้นสุดท้ายใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง โดยมีอาสาสมัคร 6 คนคอยช่วยเหลือ

รูบิคทั้งหมดเช่ามาจากองค์กรที่ชื่อว่า You Can Do The Cube ภาพโมเสกนี้ได้แสดงในระหว่างการแข่งขัน ArtPrize 2010 ที่แกรนด์แรพิดส์, มิชิแกนประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ 22 กันยายน - 10 ตุลาคม มีผู้ชมที่สนใจเข้ามาดูประมาณ 30,000 คน "ดรีมบิ๊ก"ถูกจัดอยู่ใน50 อันดับแรก จากรายการที่เข้าร่วมกว่า 1,700 รายการ 

หลังจากการแข่งขัน ภาพนี้ได้ถูกคงสภาพให้เหมือนเดิมเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อที่จะขาย แต่ไม่ปรากฏว่ามีคนซื้อ ภาพโมเสคดังกล่าวจึงถูกถอดชิ้นส่วนในปลายเดือนพฤศจิกายนและรูบิคแต่ละอันก็ถูกส่งกลับคืนไปยังจุดกำเนิดของพวกมัน

ค่าใช้จ่าย: ค่าเช่ารูบิคประมาณ $8,000 รวมทั้งโปรเจคมีค่าใช้จ่ายประมาณ $9,000 ได้รับบริจาค $4,000  และได้มีการระดมทุนจาก special event ต่างๆ และ kickstarter.com ได้ช่วยค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ


ข้อมูลจาก Dream Big , Petefecteau.com

24 ธ.ค. 2554

ปลายสายรุ้ง Intro Tab

จู่ๆ ไม่รู้ทำไมอยากเล่นเพลงนี้ขึ้นมา เลยเปิด youtube ลองหยิบกีตาร์มาเล่นดู ฟังดูเห็นอินโทรไม่น่ายากและก็เพราะดีเสียด้วย ก็เลยแกะซะเลย ใครที่หลงเข้ามาเจอหน้านี้ก็ลองเล่นตามดูนะครับ

TAB INTRO : ปลายสายรุ้ง
ศิลปิน : Paradox
** Generated using Power Tab Editor by Brad Larsen: The Official Power Tab Web Site

  G             Am7             Bm7           Dm7     Em7
 4/4
|---------3-------------0-----|---------0---------------------|
|-0---------0---1---------1---|-3---------3---6-------8-------|
|-------0-----0-------0-----0-|-------0-----0-------0-------0-|
|-----------------------------|-------------------------------|
|---------------0-------------|-2-------------5-------7-------|
|-3---------------------------|-------------------------------|


  A7            Bm7     Em7         Am7           D7
|---------0-----------------------|---------0-----------2-----|
|-5---------5---3-------8---------|-1---------1-------1---1---|
|-------0-----0-------0-------0---|-------0-----0---2-------2-|
|---------------------------------|---------------0-----------|
|-4-------------2-------7---------|-0-------------------------|
|---------------------------------|---------------------------|

เล่นสองรอบครับ
เน้นน้ำหนักตัวโน้ตตามเพลงด้วยนะครับ เพื่อความไพเราะยิ่งขึ้น


คอร์ดที่ใช้ใน Intro




เนื้อเพลงและคอร์ด:
เพราะมากเพลงนี้ ผมชอบเมโลดี้และลักษณะการร้องของพี่ต้ามากๆ

เพลง: ปลายสายรุ้ง
ศิลปิน: Paradox
อัลบั้ม: Daydreamer


Intro: G Am7 / Bm7 Dm7 Em7 / A7 Bm7 Em7 / Am7 D7 ( 2 times )

G   D/F#  Em7  D   C       Bm7    Am7        D
เธออยู่แห่งไหน เธอได้ยินไหม ฟ้าสีครามที่สองเรา นั่งมองในวันที่สุขใจ
G   D/F#  Em7     D   C   Bm7    Am7   D
วันที่เหน็บหนาว เปลี่ยนเป็นสดใส แต่เธออยู่ไหน จะบินกลับมาไหม

Em   G       C      Bm7      Am7         G     C       D7
เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
Em   G       C      Bm7   Am7         G     C   D7
แต่ลมหนาวพัดมาเร็วไป วันที่ฉันได้ทำพลาด กอดเธอไม่แน่นพอ เธอบินหายไป

   G      D/F#         Em7   D    
 * หา หาเธออยู่ไหน (แหงนมองดูท้องฟ้ากว้าง)(ฉันยังคงรอเธออยู่) 
    C            Bm7      Am7       D
 วันที่ฟ้าสีคราม เปลี่ยนเป็นฤดูกาลอบอุ่นรอให้เธอบินกลับมา 
 G         D/F# Em7       D      C       Bm7    Am7     D
 แล้วนับต่อจากนี้ จะมีแต่น้ำตาแห่งความสุข ที่ไหลรินออกมาด้วยไออุ่น จากเราสองคนด้วยรัก 
 
G D/F# / Em7 D / C Bm7 / Am7 D /
Em7 D / C Bm7 / Am7 G / C D /

Em   G       C      Bm7      Am7         G     C       D7
เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
Em   G       C      Bm7      Am7      G     C   D7
แต่ลมหนาวพัดมาเสียก่อน ก่อนที่ฉันจะพูดว่าเสียใจ ก็สายไป ที่จะเอ่ยคำว่ารัก
( * )

G D/F# Em7 D C     Bm7  Am7   D
             ฤดูกาลอบอุ่นแล้ว กลับมาได้ไหม    
G D/F# Em7 D C     Bm7  Am7   D
             ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ อยู่ที่ปลายรุ้ง
    
G Am7 / Bm7 Dm7 Em7 / A7 Bm7 Em7 / Am7 D7 / G 

เพิ่มเติม :

pattern chord ท่อน verse, chorus

12 ต.ค. 2554

iPhone 4S กับความสามารถสุดล้ำ Siri

ล่าสุดที่ผ่านมา Apple ได้ออกมือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone 4S ที่รูปร่างหน้าตาเหมือน iPhone 4 เดิมแต่เพิ่มเิติมความสามารถเข้าไปหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น Dual Core CPU, Dual Core GPU, กล้องแปดล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสงกว้างถึง f-2.4, รับสัญญาณ 3G ความเร็วสูงสุด 14.1 Mbps, iCloud และ iOS 5 และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือความสามารถใหม่ที่เรียกว่า Siri ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ iPhone 4S กลายมาเป็นผู้ช่วยที่แสนฉลาดของคุณ ด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง ซึ่งมันจะเข้าใจความหมายจริงๆ ของสิ่งที่คุณพูดและสามารถโต้ตอบกับคุณเสมือนกับมันเป็นเลขาของคุณคนหนึ่งเลยทีเดียว

หลังจากที่ผมได้ชมวีดีโอแนะนำเจ้า Siri นี้แล้ว ผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของมันมากๆ เลยครับ อย่างกับในนิยายวิทยาศาสตร์เลย แต่ว่าน่าเสียดายสำหรับคนไทยครับ เนื่องจากขณะนี้มันเข้าใจได้แค่สามภาษาก็คือภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศษ และเยอรมัน เว้นเสียแต่ว่าคุณจะพูดได้แบบเจ้าของภาษา

เราไปชมความสามารถของมันกันเลยดีกว่าครับ



11 ต.ค. 2554

Facebook ออกคุณสมบัติใหม่ "Facebook Timeline"

เฟซบุ๊คได้เปิดเผยคุณสมบัติใหม่ในงาน f8 เมือวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา มีชื่อเรียกว่า Timeline ซึ่งจะเป็นโปรไฟล์ของผู้ใช้แบบใหม่ที่เรียงลำดับเหตุการณ์ตามเวลา โดยผู้ใช้จะสามารถเก็บบันทึกประวัติของตนเอง อัพโหลดภาพเหตุการณ์ประทับใจในอดีต ภาพน่ารักๆ ของเราตอนเด็กๆ หรือเหตุการณ์สำคัญๆ สร้างเป็นชีวประวัติของตนเองแสดงในโปรไฟล์ได้ ซื่งน่าสนใจทีเดียวครับ

และนี่คือวีดีโอแนะนำเฟซบุ๊ค ไทม์ไลน์ครับ



นอกจากนี้ยังมีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับเฟซบุ๊ค ไทม์ไลน์จากคุณ @worawisut ครับ ลองไปอ่านดูครับว่าคุณสมบัติใหม่ของเฟซบุ๊คนี้จะเปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างไรและมากแค่ไหน น่าสนใจมากๆ ครับ

เมื่อโลกนี้เปลี่ยนไปด้วย Facebook Timeline


ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้จะยังใช้ไม่ได้ทุกคน เนื่องจากมีการเปิดใช้งานได้เฉพาะในวงแคบๆ อยู่ เพื่อทดสอบ
ใครอยากใช้ก็มีวิธีทำดังนี้ครับ จากเว็บ 9tana.com ครับ

วิธี(บังคับ)เปิดใช้งาน Facebook Timeline

8 ต.ค. 2554

แรงบันดาลใจจากสตีฟ จ๊อบส์

เมื่อใครคนหนึ่งได้จากไป สิ่งที่คงอยู่เป็นตัวแทนให้ผู้คนได้ระลึกถึง ก็คงจะเป็นผลงานและการกระทำขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่

เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันแล้วว่าผลงานของสตีฟ จ็อบส์ นั้นเป็นสุดยอดนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ตั้งแต่ แมคอินทอช ไอแมค ไอพอด ไอโฟน จนมาถึง ไอแพด ผลงานของเขาผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะ คุณภาพที่ยอดเยี่ยมบวกกับรูปลักษณ์และส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่เน้นอารมณ์ความรู้สึก จึงทำให้สามารถครองใจผู้คนมากมาย

แต่นอกเหนือจากนั้น เขายังได้ฝากสิ่งสำคัญที่ยิ่งใหญ่ให้กับผู้คนที่ยังอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ "แรงบันดาลใจ" ความคิดที่ลึกซึ้งของเขา ครั้งหนึ่งได้ถูกถ่ายทอดผ่านสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2548




ขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไป

7 ต.ค. 2554

ความสุข ... เริ่มต้นที่ใจเราเอง

เคยมีอาการแบบนี้ไหมเวลาที่ใจเป็นทุกข์ อมความทุกข์อะไรเอาไว้ ความสามารถในการทำงานของเราจะลดลง ความสามารถในการเข้าสังคมก็จะลดลงไปด้วย ทำให้งานแย่ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็แย่ มักจะทำอะไรผิดพลาดไปหมด เนื่องจากกังวลอยู่แต่กับความทุกข์ในใจตลอดเวลา จนสมองไม่เหลือทรัพยากรเพียงพอสำหรับทำกิจกรรมในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อเราหมดความสามารถในการที่จะมอบความรักให้ใคร เราจะโหยหาความรัก ความเห็นใจ ความสุขจากภายนอก จากคนรอบข้าง จากวัตถุ เนื่องจากเราไม่สามารถสร้างความสุขขึ้นมาเองได้

จะเห็นได้ว่าการอมความทุกข์นั้น เป็นวงจรเสริมแรงในทางลบ ทุกเหตุการณ์ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมา ล้วนเสริมกัน เป็นปัจจัยให้กันและกัน หมุนวงจรให้ต่ำลง คนบางคนนั้น อมความทุกข์ไว้ได้นานเป็นปีๆ ไม่สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ จนสุขภาพย่ำแย่ บุคลิกหน้าตาก็หมดสง่าราศี

ผมเคยอ่านเจอประโยคหนึ่งซึ่งจำที่มาไม้ได้แล้ว แต่จำใจความได้ว่า "เราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยความคิดระดับเดียวกันกับความคิดที่มีปัญหาอยู่"

ระดับความคิดที่ใช้แก้ปัญหานั้นจะต้องอยู่ในเลเวลที่สูงกว่าระดับความคิดที่เป็นปัญหาอยู่เสมอ

หากเพียงแต่มีสติเท่านั้น ตัดวงจรเสริมแรงทางลบ เปลี่ยนมาสร้างวงจรเสริมแรงทางบวก เริ่มจากสร้างความสุขให้เกิดขึ้นจากในใจ จนมากพอที่จะเผื่อแผ่ให้ผู้อื่น รักและเมตตาตนเอง จนมากพอที่เราจะสามารถมอบความรักและเมตตาให้ผู้อื่น เมื่อมุมมองที่เรามองโลกจะเปลี่ยนไปและเราจะพบกับความเปลี่ยนแปลงที่น่ามหัศจรรย์

สุดท้าย ผมขอดึงเอาใจความในหนังสือเดอะซีเคร็ต เรื่องกฏแห่งแรงดึงดูด ที่ผมอ่านแล้วจำได้แม่นว่า "สิ่งที่เหมือนกันจะดึงดูดเข้าหากัน" กับอีกหนึ่งในหนังสือเข็มทิศชีวิต 3 ของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่ว่า "โลกจะจัดสรรสภาพแวดล้อมของชีวิตเราตรงตามสภาพจิตใจของเรา หากเราต้องการเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น ให้เริ่มที่ใจเราก่อน" มาฝากให้ผู้ที่กำลังหมดกำลังใจที่กำลังหลงเข้ามาอ่านแล้วกันนะครับ

หากต้องการความสุข ... เริ่มที่ใจของเราเอง